Skip to main content

จากเหตุการณ์ถ่ายภาพ วง 2PM เมื่อหลายปีก่อน ได้ให้ข้อคิดเตือนสติป้าชูได้อย่างมากมาย

ไม่น่าเชื่อว่าบางครั้งจิตใจด้านสว่างที่ต้องต่อสู้กับด้านมืดของตนเองนั้น เป็นสงครามที่รุนแรงยิ่งนัก

หากเราไม่สามารถควบคุมจิตใจด้านมืดของเราได้ เราอาจเปลี่ยนสถานะจากคนธรรมดาเป็นเลวที่น่าโดนประนามได้

ป้าชูคือผู้ที่ตกอยู่ในห้วงเหตุการณ์นั้น เมื่อครั้ง 17 กพ.2012 เป็นวันแถลงข่าววง 2pm วงดังจากเกาหลี ซึ่งโด่งดังในยุกนั้น

เมื่อจบแถลงข่าวป้าชูได้รับสิทธิ์เข้าไปถ่ายภาพภายในห้องที่สัมภาษณ์ 2pm อยู่

มีเวลาให้ 10 นาที เพียงคนเดียวที่เดินร่อนรอบห้องโดยมีทีมงานมากมายยืนงงกับการทำงานของป้าชู

และภาพเหล่านี้จะถูกตีพิมพ์ในเกาหลี หลังจากที่ถ่ายภาพไปเพียงไม่กี่วัน

ภารกิจต่อมาเริ่มในวันที่ 18 กพ.2012

ต้องถ่ายภาพคอนเสิร์ตเพื่อตีพิมพ์ภาพอัลบั้มพิเศษซึ่งได้รับการยืนยันว่าต้องอยู่ถ่ายจนจบคอนเสิร์ต

ซึ่งป้าชูก็สบายใจว่ายังไงก็ได้ภาพสวยแน่นอน

แต่ในตอนเช้าตาขวาก็กระตุกอย่างรุนแรงเป็นเวลาหลายชั่วโมง เริ่มรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก

เมื่อถึงงาน เหตุการณ์ไม่ดีก็มาเยือนทางเกาหลียกเลิกบัตร photo ของป้าชู และยึดคืนโดยไม่แจ้งสาเหตุ

ปล่อยให้ป้าชูรอจนถึงทุ่มกว่าซึ่งคอนเสิร์ตจะเริ่มอีกไม่กี่นาทีแล้ว ทีมงานหนังสือที่ดูแลป้าชูก็เครียด

จากนั้นฝ่ายประสานงานของเกาหลีแจ้งมาว่าให้ป้าชูถ่ายได้แค่ 3 เพลง เท่ากับสื่อมวลชนท่านอื่นๆ

ทีมงานหนังสือก็เจรจากันอย่างหนัก เนื่องจากได้รับการยืนยันก่อนหน้านี้แล้วเนื่องจากเราต้องถ่ายเพื่อทำหนังสือแล้วเกาหลีมาเปลี่ยนใจแบบนี้ส่งผลต่อหนังสือทันที

แต่เกาหลียืนยันว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องได้ภาพเพื่อตีพิมพ์ให้ได้

ถือว่าทุกสื่อ ได้สิทธิเท่ากัน  เพียงแต่เราจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่น

คือสามารถเลือกจุดที่จะถ่ายภาพได้ว่าจะอยู่ตรงไหน เมื่อเลือกจุดได้แล้ว ห้ามขยับ เมื่อหมดเวลา ก็ต้องหยุดถ่ายภาพทันที

การได้สิทธิพิเศษก็เพราะต้องใช้ภาพตีพิมพ์ในหนังสือให้ทางเกาหลี โห คือ มันโหดร้ายมากเลย แต่ มาทำงานแล้วมันต้องได้งานสิ

ในที่สุดเราต้องยอมรับชะตากรรม

ทีมงานเกาหลีก็พาป้าชูเข้างานพร้อมคืนบัตรให้ 

ทันทีที่เข้างาน คอนเสิร์ตเค้าเริ่มแล้วครับ คือ ดนตรีขึ้น ประตูค่อยเปิดให้ป้าชูเข้า

คิดดูนะ เพลงแรกเริ่มแล้วอ่ะ เรายังอยู่ที่ประตูอยู่เลย กล้องก็ยังไม่ปรับ ใจก็สั่น ความตื่นเต้น ความเครียดเข้ามาประดัง

3 เพลง กับภาพที่แฟนคลับรอคอย ถ่ายไม่ดี เอาลงหนังสือไม่ได้ ซวยอีก มันกดดันมากที่สุดในชีวิต

เริ่มงานที่เราไม่มีโอกาสเตรียมอะไรเลย งานนี้ถือว่าโหดมาก

แสงสีเสียงทำดีมากแต่แย่มากสำหรับช่างภาพ  คือตอนนั้น มันจะดีแค่ไหน ก็ขอบ่นแหละ คือ อะไรก็ไม่ถูกใจหรอกนะ ชั่วเพราะท่านให้ศิลปิน ร้องเต้นท่ามกลางความมืด เกือบทั้งเพลง สลับไปมา ปรับกันตาเหลือก

เป็น 10 นาทีที่โหดร้ายสำหรับป้าชูมากๆ ป้าชูตัดสินใจถ่ายภาพไปเช็คภาพไปกลัวพลาด

ใช้ iso 5000  ใช้ 300 มม. คูณออกมาก็ 480มม.ยังเก็บแนวนอนได้เกือบทั้งวง คิดดูเอาว่าไกลขนาดไหน

พอจบ 3 เพลง ทางเกาหลีบอกให้หยุดถ่ายภาพ แต่อนุญาตให้เราอยู่ในคอนเสิร์ตจนจบ และไม่ยึดกล้องด้วย ปล่อยเราตามสบาย อ้าว นั่งแบบวีไอพีเลยครับพี่น้อง

ท่านครับ ความคิดด้านมืดมันมาเลย

ในหัวตอนนั้น รู้สึกว่า ถ้าเราอยู่แล้วแอบถ่ายต่อเราก็จะได้ภาพที่สวยมากๆ

แต่อีกใจก็คิด ถ้าเราถ่ายมันเป็นการผิดมันมรรยาทและผิดกฏหมายด้วย

เชื่อว่าโอกาสงามๆแบบนี้มาแล้วเราควรจะคว้าไว้

เชื่อมั้ยครับเวลาแค่นิดเดียว 2 ความคิดมันสู้กันในหัวป้าชูอย่างรุนแรง

จู่ๆ หน้าน้องฟิล์มกะน้องป็อก ซึ่งเป็นคู่ที่ป้าชูถ่ายพรีเวดดิ้งให้ในรายการphoto of live ของป้าชู ซึ่งวันนี้มีงานแต่งงานน้องทั้งสองเค้าอยากให้เราไปถ่ายให้แต่เราไปไม่ได้เพราะติดภารกิจในงานนี้ ตอนนี้หน้าน้องฟิล์มลอยมาเลยลอยมาแบบหมาหงอยเลย

ทำให้ป้าชูได้สติ

เริ่มคิดได้ว่าถ้าเราละเมิด ความดีที่สร้างไว้มันจะหายไปทันที

ถึงจะไม่โดนจับได้แต่มันก็จะค้างในใจเราไปตลอด

ถ้าโดนจับได้ อายเค้าทั้งแผ่นดิน แฟนคลับที่ชื่นชอบเราเค้าจะเสียความรู้สึกขนาดไหน

ต้องขอบคุณน้องฟิล์มมากๆที่ส่งหน้าหมาหงอยลอยมาเตือนสติ เพราะทำให้ป้าชูคิดได้ว่า เราจะไม่ถ่ายคอนเสิร์ตแล้วหล่ะชั่งมัน ภาพได้แค่ไหนก็แค่นั้น

ตัดสินใจเดินออกจากคอนเสิร์ตไม่ดูแล้วมุ่งหน้าไปงานแต่งงานแล้วไปถ่ายให้น้องสาวดีกว่า

ทำให้ป้าชูรอดพ้นจากการเป็นคนเลวในคราบช่างภาพทันที

จากเหตุการณ์นี้ทำให้ป้าชูต้องมีสติมากกว่านี้

ความโลภเมื่อเข้ามาชีวิตเราย่อยยับทันที

ที่ต้องเขียนเรื่องนี้เพื่อเตือนสติตัวเองและเป็นอุทธาหรณ์ให้ทุกท่านจะได้ไม่พลาดในอนาคตครับ

ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เตือนสติด้วยการส่งน้องฟิล์มและน้องป็อกมาช่วยป้าชู และที่ขาดไม่ได้น้องทั้งสอง ขอให้ทั้งคู่ครองรักอย่างมีความสุขตลอดไปครับ