Skip to main content

คิดต่าง อย่างป้าชู ตอน 87

ตอนนี้เราจะคุยกันเรื่องคู่สีของฉาก ปกติแล้วเรามักจะใช้คู่สีตรงกันข้ามในการนำเสนอภาพ แต่ป้าชูกลับชอบใช้โทนสีที่ใกล้เคียงกันจับมาขยำๆ เขย่าๆ รวมกันให้ออกมาดูกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน สมัยนี้ก็มักจะใช้คำว่า คุมโทน ซึ่งเด็กสมัยนี้จะใช้คุมโทน สำหรับการแต่งภาพ แต่คนรุ่นเก่าแบบป้าชูใช้การคุมโทนตั้งแต่เริ่มถ่ายภาพ เมื่อถ่ายภาพเสร็จจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นไม่ต้องมานั่งคุมโทนในคอมพ์ต่อให้ปวดหลัง

ที่สำคัญเวลาถ่ายนางแบบในทริปที่มีเพื่อนๆ ร่วมทริปกันอีกหลายคน  จะคิดนานก็เสียเวลา เสียอารมณ์เพื่อนฝูง  ด้วยความที่ป้าชูเป็นพวกโรคจิต ถ้าไม่กดดัน จะคิดอะไรไม่ออก ยิ่งกดดันมากเท่าไหร่ยิ่งเค้นจินตนาการแปลกๆ ได้มากขึ้นเท่านั้น โดยในแต่ละช็อตควรใช้เวลาคิดแค่ไม่กี่วินาที คิดนานเพื่อนด่า 

สำหรับมือใหม่ที่ชั่วโมงบินยังไม่เยอะ เวลาได้ยินพวกพี่ๆ มือเทพ คุยกับนางแบบไป เสียงชัตเตอร์ก็ลั่นไปเรื่อยๆ ถ่ายกันแบบชิลล์ๆ จะทำให้มือใหม่ถึงกับเหวอได้เหมือนกัน 

เชื่อมั้ยเสียงแบบนั้นมันทำให้คิดอะไรไม่ออกได้แน่ๆ ป้าชูแนะนำว่าควรปล่อยให้เพื่อนๆ ถ่ายกันไปก่อน เราควรนั่งเล่น นั่งพัก รอจนอารมณ์ดีแล้วค่อยเข้าไปถ่ายรูปต่อ 

แต่  ต้องไม่เดินเข้าไปอยู่ในวงที่เค้าถ่ายอยู่ ควรเดินออกมาในมุมอื่นๆ ที่คนอื่นเค้าไม่ได้ถ่าย แม้มุมอาจจะดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่มันจะลดความกดดันลงได้ 

ป้าชูก็ทำแบบนี้แหละครับน้องๆ เวลาไปร่วมทริปกับเพื่อนฝูง จะหนีออกจากกลุ่ม อยู่คนละมุมกันตลอด อันดับแรก เพื่อลดเสียงรบกวนข้างๆ หูลง จินตนาการจะมาเอง อยู่กับตัวเองมากขึ้น จะได้มีเวลาคิดได้นานขึ้นโดยไม่มีใครมากำหนดว่าจะกดชัตเตอร์เมื่อไหร่

ภาพนี้ ป้าชูอยู่ด้านซ้ายมือของกลุ่มเพื่อนๆ ที่เค้าถ่ายน้องนางแบบจากด้านท้ายโต๊ะพูล เมื่ออยู่ด้านข้างมันมีเหล็กดัดขวางทางอยู่ แต่ลวดลายที่โค้งมน หากมองดีๆ ก็จะเห็นว่ามันเข้ากันได้กับลวดลายที่ผนัง  แถมสีสันยังอยู่ในโทนเดียวกันกับแม่เสือสาว ประกอบกับแสงสีส้มจากหลอดทังสเตนเหนือโต๊ะพูลที่สาดส่องเข้าใบหน้า มันเข้ากันกับฉากหลังเต็มๆ เรียกได้ว่า ทั้งสีเนื้อไม้ของโต๊ะ สีชุด สีฉากหลัง เป็นโทนเดียวกันทั้งหมด มีเข้มมีอ่อน เกลี่ยกันไปโดยมีเส้นสายกราฟิกเป็นตัวแบ่งโซน 

เห็นมั้ยครับ ถ้าเราค่อยๆ คิด จะได้ภาพที่มีรายละเอียดมากมาย เราสนุกสนานกับการจับโน้นนิดนี่หน่อยมาผสมผสานให้ภาพของเรามีอะไรๆ ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เปรียบได้กับอาหารรสเลิศที่จัดจานได้อย่างดงามย่อมทำให้อาหารจานนั้นโดดเด่นและน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

และจะดีมาก เมื่อมีใครถามว่า ทำไมถึงถ่ายภาพนี้ เราจะสามารถอธิบายได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตามจินตนาการ ไม่ว่ามันจะถูกใจผู้ฟังหรือไม่ มันก็ถือเป็นปฐมบท ในการเป็นศิลปินของเรานั่นเอง หากเราฝึกไม่เริ่มวันนี้ แล้วเมื่อไหร่จะเริ่มกันละครับพี่น้อง

ปล.เมื่ออ่านแล้วเห็นว่าได้ประโยชน์ 
รบกวนช่วยกันแชร์ไปในวงกว้างเพื่อเป็นอีกส่วนในการช่วยพัฒนาวงการช่างภาพของไทย