Skip to main content

ถ่ายบาสเกตบอล  35+ แบบป้าชู

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ป้าชูได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายบาสเกตบอล รุ่น 35+ ที่สนาม อดรีนาลีน งานนี้น้องโรมติดภารกิจ จึงขอให้ป้าชูไปช่วยขัดตาทัพให้ อาศัยได้ผู้ใหญ่ใจดีอย่างพี่เกี๋ยงอนุเคราะห์เลนส์ 50 มม.F1.2. ไปใช้  ดังนั้นโจทย์ในวันนี้ของป้าชู คือ พยายามใช้ F กว้างๆ เช่น f1.2 ให้มากที่สุด เลนส์ f1.2 เป็นรู้กันดีว่า โฟกัสช้ามากๆ น้ำหนักเยอะ ทำให้บาลานซ์ไม่ค่อยดีนักเวลาถ่ายกีฬา เรียกว่าถ้าไม่ถึงยามจำเป็นคงไม่มีใครหยิบเลนส์ตัวนี้มาถ่ายกีฬาแน่ๆ และที่สำคัญ F1.2 คือภารกิจหลักของวันนี้ครับ

สนามที่นี่ถ้าจะมาเล่นเอาสนุกถือว่าดีเลยครับ แต่ถ้าจะต้องมาถ่ายรูป ก็ปวดตับได้เลย ฝั่งซ้ายเป็นกำแพงสีขาว ฝั่งขวา คือสนามฟุตซอล แสงจะสาดเข้ามาแบบเต็มๆ ทำใจได้ว่าถ่ายหันไปทางขวา ก็ย้อนแสงแสบตากันไป เหลือฝั่งซ้ายเท่านั้น ถ้าหันหลังให้สนามฟุตซอล เส้นสนามบาส กับรั้วฟุตซอลห่างกันไม่เกิน 60 ซม.

นั่งพิงรั้ว ไม่เกินสิบนาที เราจะโดนลูกบอลจากฝั่งฟุตซอลอัดเข้าหลังไม่ก็อัดเข้าตรูดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้เลยครับ ถือเป็นการถ่ายรูปที่ลุ้นไปลุ้นมาได้ตลอด คิดดูนะ เรานั่งห่างจากขอบสนามไม่ถึงเมตร สารพัดเท้าของผู้เล่นพร้อมที่จะถาโถมเข้าตากล้องได้ทุกเมื่อ

นี่ถ้านั่งอยู่ใต้แป้น ห่างจากเส้นขอบสนามแค่ เมตรเดียว เวลาเค้าโถมเข้ามาเป็นกลุ่ม เราต้องตาไว คิดไว ตีนต้องไวด้วย โดดหนีให้เร็วไม่งั้น ยักษ์ตัวใหญ่ๆ ทับเราแน่ๆ ครับ

วันนี้แข่งกัน 8 คู่ อากาศอบอ้าวทั้งวัน เริ่มตั้งแต่ 10.00 -20.35 น. แต่ละคู่แข่งจบปุ๊บคู่ต่อมาลงสนามทันที เวลาถ่ายรูปต้องคำนวนเวลาเอาเองว่าจะเข้าห้องน้ำช่วงไหน กินข้าวกินน้ำยังไง เพราะ การแข่งขันรันตลอดไม่มีพัก

สภาพแสงถือว่าเป็นปัญหามากๆ ดัน ISO สูงมากๆ สปีดก็ยังไม่มากพอ โชคดีที่รอบนี้ตั้งภารกิจว่าต้องใช้ f1.2 เป็นหลักทำให้ การถ่ายภาพไม่ค่อยมีอุปสรรคในเรื่องสปีด ที่ยังไงก็พอ

ทีนี้ พอดูภาพรวมแล้ว ป้าชูก็มาอยากได้ภาพเชิงอารมณ์ที่ผู้เล่นเค้าปะทะกัน เค้าจ่ายบอลกัน แบบให้มีความเคลื่อนไหวได้ด้วย ซึ่งมันก็จะไม่ง่ายอย่างที่เราคิด ในเกมนั้น ผู้เล่นเค้าจะเล่นกันเร็วมากๆ สปีดระดับ 500 บางครั้งภาพก็จะเบลอได้เลย

แต่เพื่อความเร้าใจ ป้าชูจึงใช้สปีดที่ต่ำระดับ 60- 160 เป็นส่วนใหญ่ เพื่อจะได้ ภาพที่มี  movement ยิ่งตัวผู้เล่นหลัก หน้าคมชัด แต่ผู้เล่นที่มาแย่งบอลเค้าเคลื่อนไหวด้วยก็จะดีมาก อันนี้เป็นโจทย์หลัก แต่บางจังหวะ เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้มี movement เราแค่ให้หยุดจังหวะนั้นๆ ได้ ภาพอาจจะสวยกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกว่าจังหวะไหนควรเป็นแบบไหน ที่สำคัญ การเล่าเรื่องราว น่าจะสนุกกว่าการถ่ายภาพ stop action เฉยๆ แน่นอน

พอลงสนามจริง มันก็เป็นเหมือนที่ชาวบ้านเค้าว่าไว้คือ F 1.2 มันโฟกัสไม่ทันอย่างหนัก ต้องรอช็อตที่ผู้เล่นเคลื่อนไหวไม่เร็วมากนัก จึงจะพอจับโฟกัสได้บ้าง พอลองขยับเป็น F1.8-2.0 กลับทำได้ง่ายขึ้นมาอีกนิดนึง ย้ำว่านิดเดียวเท่านั้น

สรุปช็อตไหน เคลื่อนไหวช้าใช้ 1.2 ช็อตไหน ที่กำลังเลย์อัพหรือชู้ต ก็ใช้ 1.8 หรือ 2.0 ถ้าเค้าปะทะกันแรงๆ โหดๆ ก็ใช้ 2.8 หลายๆ คนเมื่ออ่านถึงตรงนี้คงสงสัยว่าทำไมไม่ใช้  F-STOP เดียวไปเลย จะเปลี่ยนให้วุ่นวายทำไม เพราะเมื่อเปลี่ยน F-STOP แล้วเราต้องเปลี่ยนค่าของสปีดตามไปด้วย ถ้าเผลอลืมเปลี่ยน  ภาพก็เสียหมดสิ คือไม่อันเดอร์ก็โอเวอร์ไปเลยนะ เป็นแบบนั้นจริงครับแต่ ถ้าเราเลือก  F-STOP ที่เหมาะสม รวมถึงเปลี่ยนสปีดให้พอดีทุกครั้ง ภาพที่ได้มันจะตรงกับความต้องการของเราอย่างแน่นอน ที่เหลือก็คอยลุ้นว่าโฟกัสเข้ามั้ย จังหวะมันพอดีตามที่จินตนาการไว้หรือเปล่า

กรุณาอ่านต่อในตอนต่อไป

ปล.เมื่ออ่านแล้วเห็นว่าได้ประโยชน์

รบกวนช่วยกันแชร์ไปในวงกว้างเพื่อเป็นอีกส่วนในการช่วยพัฒนาวงการช่างภาพของไทย