คิดต่าง อย่างป้าชู ตอน 44
เริ่มต้นคอร์สเรียนอาทิตย์นี้ ด้วยความชุ่มฉ่ำ ช่วงแรกเรียนภาคทฤษฎีให้เข้าใจว่าจะอ่านแสงยังไง ให้ภาพออกมาเป็นขาวดำเหมือนฟิล์ม ถ้าอ่านแสงไม่เป็นถ่ายมามันจะเทาๆ เหมือนที่เห็นกันเป็นประจำที่ใครก็ถ่ายให้ออกมาเป็นโทนเทาได้
เมื่อเข้าใจกันดีแล้วก็ต้องลุยของนอกกันแม้ฝนตกก็ไม่ทำให้เราหยุดเรียนรู้กันได้ ตอนนี้เหลืออยู่ที่เดียวที่ต่อให้ฝนตกเราก็สามารถอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะแล้วยังถ่ายรูปต่อไปแบบไม่สะทกสะท้านได้
สถานที่นั้นก็คือ ใต้สถานีรถไฟฟ้า ตรงสะพานพระนั่งเกล้า พอหาที่จอดรถได้ เป้าหมายแรกที่ต้องไปคือ เลือกฝั่งที่ฝนไม่สาด แต่ลมมันแรง ละอองฝนเป็นสิ่งที่ต้องระวังมากๆ แต่สุดท้ายก็ขวางลำ พวกลูกศิษย์ที่ต้องการแกล้งครูไม่ได้เลย รอบนี้ทุกคนรวมหัวกันหาสิ่งที่ถ่ายเป็นขาวดำไม่น่าจะได้ เช่นเคยเลนส์ 50 มม. และเวลาจำกัดไม่เกิน 30 วินาที
อันแรกเป็นเศษไม้กระดาน ที่เค้าวางกองกันบนพื้น โจทย์คือ ถ่ายให้ดูไม่เป็นเศษไม้ พอสังเกตแล้วจะเห็นว่าแผ่นไม้เค้าสกรีนรูปจระเข้ น่าจะเป็นลังไม้บรรจุวัสดุก่อสร้าง แต่ตอนนี้เหลือแต่แผ่นกองกับพื้น ป้าชูเลยวางเฟรมให้เห็นเงาของแผ่นไม้ว่าลอยอยู่เหนือพื้น แล้วโชว์จระเข้อ้าปาก เฟรมง่ายๆ แต่ผ่านโจทย์แรกแบบสบายๆ
หลุดจากอันแรก ฝนเริ่มเบาบางแล้ว ไม่รู้ว่าใครบอกว่าอยากให้ถ่ายนกอะไรก็ไม่รู้บนยอดรั้วตาข่าย ซึ่งสูงเกิน 3 เมตร แล้วอยู่ห่างจากจุดที่พวกเรายืนกันเกิน 15 เมตร
ลองนึกภาพตามกันไปนะ เลนส์ 50 มม. นกเล็กๆ ตัวเดียวบนขอบรั้ว มันจะเหลือเศษนก ตัวนิดเดียวเอง
ทีนี้จะเล่าเรื่องยังไงดีล่ะ เวลาก็เดินเร็วซะด้วย คิดสิคิดๆๆๆๆๆ อ่ะ เจอแล้วครับพี่น้อง ด้านหลังรั้ง มีเครนขนาดใหญ่ ไกลออกไปหลายร้อยเมตร จินตนาการว่า ใช้เครนนั้น มาดึงเพื่อพยุงตัวนกเอาไว้ ต้องเลื่อนตัว ขยับขึ้นขยับลง จนในที่สุด ก็วางเฟรมสำเร็จในระยะเวลาไม่เกิน 25 วิ แม้จะรีบเร่งแต่สมาธิที่แน่วแน่ ย่อมส่งผลให้ได้ภาพสวยๆ แบบนี้แหละครับพี่น้อง
พอฝนเริ่มซาลงมากๆ พวกเราก็เดินปูพรมแถวๆ นั้น เจอ น้องเหมียวอยู่บนล้อรถกระบะ เด็กๆ บอก จารย์ ถ่ายพอร์เทรตน้องแมวให้ดูหน่อยดิ
เริ่มแรก หยุดสิครับพี่น้อง เล็งเฟรมกว้างๆ ไปก่อน กดชัตเตอร์มาใบนึงก่อน กลัวแมวโดดหนี รูปแรกได้ อุ่นใจละ แม้จะไม่สวย ดีกว่าไม่มีรูปแมว เดี๋ยวเสียหน้า ทีนี้ค่อยๆ เลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ โดยที่ทุกครั้งของการขยับตัว ก็กดชัตเตอร์ไปด้วย ค่อยๆ วางเฟรมให้สวยมากขึ้นๆ เพราะเราเริ่มใกล้มากขึ้นไปทุกทีๆ แล้ว ทีนี้อยู่ห่างแมวเหมียวในระยะไม่เกิน 3 เมตร น้องเหมียวเริ่มหันมามองหน้า เราก็กลัวว่าน้องจะโดดหนี เลยส่งเสียงคุยกัน โชคเป็นของเรา น้องไม่กลัวแถม ส่งเสียงตอบ หวานสิครับทีนี้ ค่อยๆ ขยับไปใกล้อีก วางเฟรมให้ดี วาดแสงให้สวย แล้วก็สอยภาพสวยๆ กลับบ้านเช่นเคย
วันนี้ลูกศิษย์มีความเข้าใจว่าเวลาจะเลือกถ่ายภาพให้เป็นขาวดำและสวยเหมือนฟิล์ม มันมีข้อจำกัดอยู่ คือ แสงและสีบางเฟรมที่เราอยากได้ มันไม่เข้าองค์ประกอบการคัดแสงให้เป็นขาวดำ ถ่ายให้ตายมันก็ออกมาเทา
ดังนั้น อะไรที่มันอยู่นอกกฏ ไม่ต้องถ่ายเป็นขาวดำ ถ่ายสีจะสวยกว่า
ขาวดำที่สวยแบบฟิล์ม จะถ่ายสีแล้วมาแปลงเป็นขาวดำ แล้วถ้าออกมาสวย เค้าเรียกว่าโชคช่วย แต่มันจะไม่มีโชคในทุกรูป
หากเข้าใจว่าอะไรเป็นปัจจัยให้สีกระทบแสงในแต่ละเฉดแต่ละโทนในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ขาวดำธรรมชาติจะอยู่ในรูปของเราทุกครั้งที่กดชัตเตอร์
จำไว้นะ ขาวดำหลังกล้องของคนที่อ่านขาวดำเป็น ย่อมสวยงามกว่าเอามาแต่งอย่างแน่นอนครับพี่น้อง