คิดต่าง อย่างป้าชู ตอน 10 ได้คืบจะเอาศอก
หลังจากบันทึกภาพคุณพี่ที่ปากซอยเทกซัสได้สำเร็จ ป้าชูก็เริ่ม
เก็บภาพคุณพี่ที่อยู่ในสปีชีส์แบบเดียวกันได้อีกหลายท่าน
ทำให้เกิดความชำนาญในการสื่อสารกับคุณพี่เหล่านี้มากขึ้น
เรียกว่าได้ภาพน่ารักๆ มาเยอะเลยทีเดียวแหละ แต่บางครั้ง
การที่ย่ามใจมากไปจนเกิดความประมาทก็นำเรื่องเดือดร้อน
มาให้ในที่สุด
เย็นวันนึงที่เดินตระเวนเก็บภาพผู้คนแถวคลองถม จำได้ว่าช่วง
นั้นเป็นวันเสาร์ช่วงเย็น ผู้คนหนาแน่นมาก เวลาเดินถ้าต้องการ
สบายๆ ต้องลงมาเดินพื้นถนนเท่านั้น
ทันใดนั้นสายตาอันแหลมคมประดุจเหยี่ยวก็เล็งเห็นว่ามีคุณพี่
อีกท่านอยู่เบื้องหน้าของป้าชูในระยะห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว เร็วเท่า
ความคิด
ป้าชูรีบยกกล้องแล้วกดชัตเตอร์รัวในทันที เพื่อเรียกความสนใจ
ให้คุณพี่ท่านนั้นหันมาสบตา
โดยที่ป้าชูลืมขออนุญาต
ผลก็คือคุณพี่หันมาสบสายตาอย่างที่อยากได้เลยครับ
แต่แกมีแถม ด้วยเสียงคำรามและเริ่มตะโกนโวยวาย
พร้อมทั้งวิ่งไล่เพื่อเข้ามาทำร้ายตัวป้าชู
ไวเท่าความคิด ฝีเท้าอันจัดจ้านที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี
สมัยที่ป้าชูเป็นนักกรีฑาที่ธรรมศาสตร์ได้ใช้งานกันก็วันนี้
แหละท่าน หนีโกยอ้าวแบบไม่คิดชีวิต ได้ยินแต่เสียง
คำรามตามมาติดๆ
ขนาดเราวิ่งเร็วขนาดนี้ คุณพี่แกยังตามมาแทบจะหายใจ
รดต้นคอเลยทีเดียว จำได้ว่าตอนนั้นวิ่งไปขนลุกไปด้วย
ความกลัว ปากก็ตะโกนว่าช่วยด้วยๆ
คนไทยอ่ะมีน้ำใจ ไม่ถามถึงสุขภาพเราซักคำ
ได้แต่เปิดทางให้เราวิ่งหนีได้โดยสะดวก
แต่ไม่มีใครช่วยห้ามเลยซักคน วิ่งหนีจากหน้าตึกศรีวรจักร
จนมาพ้นคุณพี่ได้ที่หัวมุมโรงพยาบาลกลางคิดดูว่าไกล
ขนาดไหน รู้อย่างเดียวว่าถึงสี่แยกแทบไม่ได้ดูว่ารถวิ่ง
หรือจอด
วิ่งข้ามถนนแค่หนีให้พ้นแค่นั้นก็พอ เดชะบุญที่รถไม่ชน
แต่คุณพี่โชคไม่เข้าข้างเค้าข้ามถนนมาไม่ได้เนื่องรถวิ่ง
กันเต็มไปหมด รอดอย่างหวุดหวิด
ให้ทายว่า เข็ดมั้ย